Sunday, May 1, 2016

พระสงฆ์ - พบหลักฐานชี้ชัด สื่อปั่นหัวคนไทยด้วยวิธีการแบบนี้

พระสงฆ์ คือ ใคร สื่อมวลชนรู้บ้างไหม
แต่ไหนแต่ไรมา เราถูกอบรมสั่งสอน
ให้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ทรงเป็นพุทธมามกะ
และเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภก
พระสงฆ์ คือ ผู้สืบทอดอายุของพระพุทธศาสนา
แต่เหตุใดจึงไม่ช่วยปกป้อง มุ่งเขียนข่าวในทางทำลาย
ดุจคิดจะรื้อธงธรรมจักรให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย

 ที่มาของภาพ
อ่านความเห็นของพระมหาพิศุทธิ์ วิสุทฺโธ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
ได้ที่  www.mediainsideout.net

สื่อไร้จรรยาบรรณอย่างแท้จริง
คนคุมสื่อมีอำนาจดุจอาวุธที่มีแสนยานุภาพ
สามารถทำลายความศรัทธาของมวลมหาชนอยู่ในมือ
มุ่งเผยแพร่ภาพเสียๆ หายๆ ของพระสงฆ์
ครอบงำคนไทยมาเป็นเวลานานนับสิบปี
ทั้งที่มีผลงานที่น่ายกย่องของการคณะสงฆ์เกิดขึ้นทุกวี่วัน
อย่าแกล้งทำหลับหูหลับตา ไม่รู้เรื่องอะไร
บรรพบุรุษของคุณไม่เคยอาศัยร่มเงาบวรพุทธศาสนา
ไม่เคยพึ่งพาวัดวาอารามเลยหรือ

คุณทำเช่นนี้กับประเทศไทยเพื่ออะไร
เมื่อนานาชาติ ต่างให้เกียรติยกย่อง
ว่าไทยเป็นเมืองพุทธศาสนาที่สำคัญของโลก
พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ทรงสร้างวัดวาอาราม
เพื่อปลูกฝังความศรัทธาในพระรัตนตรัย
ปักหลักพระพุทธศาสนาให้มั่นคงยั่งยืน
สื่อไทยแกล้งไม่เข้าใจประเด็นนี้หรืออย่างไร

พวกคุณอาจจะไม่รู้สึกเสียใจกับการกระทำที่ผ่านมา
แต่เราเอือมระอากับการทรยศต่อบรรพชน
หมดเม็ดเงิน เวลาและความคิดที่สิ้นเปลือง
ไปกับข่าวอันไม่เป็นมงคลที่คุณพรำ่แต่นำเสนอ

เราไม่จำเป็นต้องเอ่ยชื่อสำนักข่าวไหนบ้าง
ไม่อยากให้มีคนเข้าไปอ่านกันเลยจริงๆ
ล้วนแต่เป็นเจ้าใหญ่ๆ ของเมืองไทยทั้งสิ้น
คนไทยคงไม่ยอมถูกหลอกปั่นหัวไปมากกว่านี้

เรื่อง "พระสงฆ์" ในเว็บสำนักข่าวเหล่านั้น
จะปรากฏข่าวร้ายและปัญหานานัปการ
มีน้ำหนักมากกว่าข่าวดีๆ อย่างเกินจะเปรียบ
กิจการของเขามีความเจริญมั่นคง
ในขณะที่วงการคณะสงฆ์ถูกสั่นคลอน
จะปล่อยให้มองข้ามกันไปได้อย่างไร 

เรื่องนี้ควรถึงแก่ประชาคมโลกเพื่อไขความกระจ่าง
ให้ความเป็นธรรมแด่วงการคณะสงฆ์ไทย
และมุ่งกำจัดมลทินในวงการสื่อให้สิ้นซาก
เพื่อให้สื่อมวลชนไทยเป็นที่ยกย่อง
ในสายตาชาวพุทธโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
ท่านที่สงสัยว่าวัดพระธรรมกายมีดีอย่างไร ในท่ามกลางข่าวเสียหาย
ทำไมคนจึงยังศรัทธาหลวงพ่อธัมมชโยอย่างเหนียวแน่น
เป็นเรื่องจริงที่นักข่าวอยากรู้ อ่านได้ที่นี่...

Tuesday, April 26, 2016

วิธีที่สื่อมวลชนเสี้ยมคนไทยให้แตกแยก

เรียน สื่อชวนชน ที่เคารพยิ่งของมวลชน

สื่อที่ออกมาทุกวันนี้ทำให้คนเห็นความจริงทุกด้านได้จริงหรือ
ได้อ่านข่าวที่สำนักข่าวแชร์ต่อๆ กัน มีใจความเหมือนกันแทบทุกวรรค 
ว่างจากเนื้อหาที่มีคุณภาพจากมุมมองทุกมิติ
แม้แต่เอกสารปลอมหรือไม่สมบูรณ์ก็ยังนำมาออกข่าวได้ 

เห็นแล้วสงสารคนในวงการนี้เป็นที่สุดที่ไม่มีอิสระในการทำงาน
คุณจะยอมรับหรือไม่ว่าสื่อมวลชนถูกควบคุมเนื้อหาที่จะออก
ไม่จำเป็นต้องตอบหรอก เพราะ สิ่งที่เขียนออกมาก็เห็นกันอยู่ 
คุณถูกริดรอนสิทธิที่จะใช้ความสามารถที่คร่ำหวอด
มาในวงการอย่างเต็มภาคภูมิ

ถ้าชีวิตใครเกิดมาเพื่อจะเชื่อตามสิ่งที่เห็นด้านเดียวแบบนี้
มีการกำหนดขึ้นมาอย่างชัดเจนว่าจะเขียนให้ตรงกันอย่างไร 
เขาคงเป็นคนที่ถูกยัดเยียดเนื้อหาให้เชื่อตามได้มากที่สุด
และคุณอย่าเป็นคนๆ นั้นเลย 

บทบาทของสื่อมวลชน ควรทำอะไร


การทำให้ความเร็วในการออกข่าว ไม่มีผลต่อคุณภาพ
และความรับผิดชอบต่อสังคมในระยะยาว

ความเร็วในการที่ต้องออกข่าวให้ทันคู่แข่งขัน ทันต่อสถานการณ์ 
มีผลทำให้ขาดความลึกในการเข้าถึงความจริงเรื่องต่างๆ อย่างถ่องแท้

เมื่อให้ข้อมูลด้านเดียวที่กล่าวร้ายผู้กระทำคุณต่อมวลมหาชนอยู่บ่อยๆ
คุณจะเป็นคนสำคัญทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม
อย่างชนิดที่ทำให้สมานกลับมาได้ยาก
เมื่อทำเรื่องซ้ำๆ อย่างนี้มาเป็นสิบๆ ปี 
แน่นอนว่า ทิฏฐิของคนที่เสพข่าวจะต้องฝังลึกจนยากจะแก้ไข 

คุณกำลังทำให้ประเทศไทยที่อากาศร้อนแทบแย่อยู่แล้ว
เป็นที่ร้อนระอุด้วยไฟแห่งความรุนแรงมากยิ่งขึ้น 
คุณสนุกใช่ไหม...ที่ทำให้คนเกลียดกัน

คุณได้เงินสมกับที่ควรได้ไหม...
จากผลงานที่ทำให้คนไทยต้องทะเลาะเบาะแว้ง

คุณยินดีหรือที่จะเป็นภัยแห่งความมั่นคงของพุทธศาสนา
และความสงบสุขในสังคมไทย ที่ "เราอยู่ร่วมกัน"

จะทำให้ประเทศไทยเป็นที่น่าอดสูในฐานะเมืองพุทธที่ดูแคลนพระภิกษุ
คุณไม่กล้าออกข่าวที่แท้จริงเรื่องคนที่จงใจทำลายพุทธศาสนา
คุณไม่สามารถเขียนถึงเบื้องหลังที่ควบคุมพวกคุณได้ใช่ไหม 
ถ้าอย่างนั้น คุณก็ไม่ควรเขียนถึงเหยื่อของพวกเขาในทำนองเดียวกัน 


สื่อมวลชนอยู่ภายใต้ความควบคุมของมือที่ถือดาบหรือไม่?
ที่มาของภาพ

เหตุใดคุณถึงไม่ระดมเขียนข่าวดีๆ ซึ่งเป็นผลงานของวัดต่างๆ
ให้เท่าเทียมกับการวิพากษ์วิจารณ์พระภิกษุในทางเสียหาย
กระจกด้านนั้นของคุณหายไปไหน 
ทั้งที่ภาพสะท้อนของมันจะทำให้มีคนดีเกิดมากขึ้นในสังคม
ความอบอุ่นร่มเย็นในสังคมตามแบบอย่างที่บรรพชน
ได้รักษาพระพุทธศาสนาไว้ถึงมือพวกคุณ
คุณกลับเหยียบย่ำมรดกที่ท่านมอบให้ไว้อย่างไม่รู้จักคุณค่า 
ชีวิตของคุณและลูกหลานซึ่งอยู่ในสังคมนี้ก็จะเป็นเฉกเช่นเดียวกัน

ต่อไปนี้คนไทยจะไม่เชื่อสื่อง่ายๆอีกต่อไป
และตระหนักถึงคำว่า "คุณค่าของข่าว"
มากยิ่งขึ้นกว่านี้  

และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะได้เห็นภาพสื่อมวลชน
ที่สร้างสรรค์ประโยชน์ คือ ความสมานสามัคคีของคนในชาติ
ให้เป็นที่ยกย่องในสายตาที่ยุติธรรมจากประชาคมโลกในที่สุด 

อ่านเรื่องภัยต่อความมั่นคงที่คนไทยยังไม่รู้


ท่านที่สงสัยว่าวัดพระธรรมกายมีดีอย่างไร ในท่ามกลางข่าวเสียหาย
ทำไมคนจึงยังศรัทธาหลวงพ่อธัมมชโยอย่างเหนียวแน่น
เป็นเรื่องจริงที่นักข่าวอยากรู้ อ่านได้ที่นี่...

Thursday, April 21, 2016

พระธัมมชโย โดนเล่นงานเพราะเมตตาคนไม่ยอมล้างส้วม ตอนที่ 2

จากบทความในตอนที่ 1 เราได้เกริ่นนำถึงนิทานที่ได้ยินได้ฟัง เรื่องการให้โอกาสแก่คนที่ไม่ผ่านบทฝึกเรื่องการล้างขัดห้องนำ้ให้สะอาด ซึ่งบทฝึกนี้ที่คุณยายอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูงได้ให้ไว้เพื่อเป็นการลดทิฏฐิมานะ ความถือตัว ความทนงตนต่างๆ จากความสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียนและภูมิปัญญาที่คิดว่าตนเหนือกว่าคนอื่นๆ คราวนี้จะได้มาเล่าต่อถึงเหตุการณ์ที่ได้ยินได้ฟังมา


บทฝึกการล้างส้วม ล้างห้องน้ำ เพื่อขัดเกลาจิตใจและลดทิฏฐิมานะ

นิสัยโอหังของคนที่ไม่ยอมล้างส้วม


เรื่องนี้ได้ยินจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง บอกว่า นายคนนี้นี่ตลกค่ะ สมัยบวชอยู่ยังไม่ลาสิกขา เขาเคยบอกว่า

"หลวงพี่จะไม่ยอมสึกไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น การสึก เหมือนคนที่ก้มลงดูดก้อนเขฬะที่ตัวเองบ้วนไว้กลับคืนไป" เขาคงลืมคำพูดนี้ แต่ท่านจำได้ดี  

เขามีนิสัยโอหัง ขาดความเคารพ ขาดความกตัญญูมาตั้งแต่บวช บอกกับท่านว่าเบื่อหลวงพ่อทัตตะ เทศน์แต่มงคลสูตร เขามีความสามารถเชิงความจำ แต่ขาดพิจารณา ขาดปัญญาเป็นอย่างมาก


เขาโกรธมากที่สุดในกรณีหนึ่ง ที่แรกก้าวร้าวก้าวก่ายแต่หลวงพ่อทัตตะ แต่ในที่สุดถึงหลวงพ่อธัมมะเลย ไม่แน่ใจว่าจบPhd หรือไม่ เพราะตอนหลังไม่ค่อยยอมเรียนหนังสือ เข้าไปยุ่งกับวาติกัน มีนิสัยใฝ่สูง ทะเยอทะยานมาก ดูถูกคนทั้งหลายด้วย

การบวชของเขาเป็นไปตามความเห็นของพระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสอง แต่ไม่ใช่ความเห็นของคุณยายและของวัดพระธรรมกาย เมื่อท่านยินดีให้เข้ามาเป็นภิกษุในวัด ทุกคนก็ยินดีและให้การต้อนรับ แม้การบวชของเขาจะข้ามสิทธิ์ของคนอื่น โดยเฉพาะอุบาสกที่ฝึกตนมาเพื่อบวช


หลวงพ่อธัมมชโยเมตตาอสรพิษร้าย


เมื่อบวชเข้ามา ทุกคนทราบแต่ว่าจะต้องให้ความร่วมมือ ผู้ใหญ่หลายคนที่ทราบว่าการเรียนหนังสือของเขาต้องใช้เงิน ทุกคนก็ถวายปัจจัยผ่านทางหลวงพ่อธัมมชโย

ถ้าพูดถึง "ความรู้ของเขา" จึงพูดได้ว่า
"มาจากปัจจัยของชาววัดพระธรรมกาย"


มีสาธุชนท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า สมัยตนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 1 เคยร่วมบุญเพื่อการศึกษาต่อปริญญาเอกของนายคนนี้สมัยที่ยังเป็นพระภิกษุ ต้องเสียสละปัจจัยที่มีแค่พอกิน พอใช้อย่างน้อยนิดเพื่อให้เขาได้เรียนจบเพื่อช่วยงานพระศาสนา เมื่อทำบุญแล้วเลยอธิษฐานจิตเสียมากมาย ขอให้ตัวเองได้มีโอกาสไปเรียนสูงๆ บ้าง และในที่สุดเธอก็ได้ทุนมาเรียนต่อที่อังกฤษจนจบปริญญาเอกในที่สุด แต่ก็ไม่นึกว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะกลับกลายมาเป็นบุคคลเช่นนี้ 

ซึ่งจุดประสงค์นั้น เราทราบกันดีว่า องค์กรของเรา คือ วัดพระธรรมกาย มีความปรารถนาจะเผยแผ่พระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ที่ชาววัดเรียกท่านว่า"หลวงปู่" และแสวงหาบุคคลที่มีการศึกษาพื้นฐานดี เรียนหนังสืออยู่ในเกณฑ์ดี มีพื้นฐานทางภาษาพอใช้ได้ และมี"หัวใจดวงเดียวกัน"กับท่านทั้งสอง พอดีเขาอยู่ในข่ายนี้ และมีความชัดเจน ณ ตอนนั้นว่าจะ" บวชเพื่อทำหน้าที่ศึกษาวิชาที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นทนายแก้ต่างให้และเพื่อเผยแพร่คุณงามความดีของวิชชาให้สะพัดออกไปในกลุ่มชาวตะวันตก"



การล้างส้วมไม่เป็นบ่งบอกอะไร


ในทางตรงข้าม คุณยายจันทร์ ขนนกยูง ผู้เป็นที่เคารพสูงสุดของหลวงพ่อทั้งสอง และของคนทั้งองค์กรกลับไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ด้วยเหตุที่ฟังดูแล้วดูเหมือนจะไร้เหตุผล คือ "คนๆนี้ล้างส้วมไม่เป็น"

แต่การ"ล้างส้วม" ของคุณยายนั้นมีนัยยะที่สำคัญมาก คือ ถ้าบุคคลใดแม้ส้วมที่ตัวเองใช้ยังล้างให้สะอาดไม่ได้ ถือว่า"หมดดี" หรือ "ดีน้อย"

เพราะ ห้องส้วมและห้องน้ำควรจะเป็นที่ๆสะอาดที่สุด เพราะเราเข้าไปเพื่อปลดความสกปรกทั้งหลายทิ้งไปจากตัว หากห้องที่เข้าไปเพื่อความสะอาดยังไม่สะอาด แสดงว่าตัวเองจะต้องสกปรกออกมา ทั้งห้องอาบน้ำและห้องถ่ายทุกข์ หรือ "ส้วม"

เขามีความไม่เข้าใจตรงจุดนี้เป็นอย่างมาก ประกอบกับจบการศึกษาสูงมา
ทำให้มองเห็นงานนี้เป็นสิ่งน่ารังเกียจ เป็นงานที่ไม่สมเกียรติ
เมื่อได้หน้าที่นี้ จึงหาหนทางเลี่ยง โดยการใช้ให้คนอื่นๆหรือน้องๆทำ โดยวิธีการต่างๆ เพื่อให้ดูเหมือนไม่ว่างอยู่ ติดภาระกิจอื่นที่สำคัญอยู่ เลยไม่ได้ลงมือเองสักที หรือทำเองน้อยเต็มทีซึ่งสิ่งเหล่านี้ รอดสายตาหลวงพ่อทั้งสองไป

แต่สำหรับคุณยาย นี้คือเรื่องใหญ่ที่แสดงถึงหลายๆอย่างในตัวเขา
เพราะคุณยายถือว่า จะเป็นใหญ่เป็นโตต่อไป ต้องทำงานทุกอย่างได้ ต้องไม่เลือกงาน ต้องไม่เลี่ยงงาน และต้องไม่ให้ใครมารับภาระในหน้าที่ของตนหรือไม่ทำตนให้เป็นภาระของใคร และต้องปราศจากเสียซึ่งทิฎฐิมานะ


ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องอื่นๆต่อไป ท่านได้อธิบายความสำคัญของการล้างห้องน้ำ ห้องส้วมสักนิดว่าทรงคุณอย่างยิ่งในการชำระทิฏฐิมานะ เพราะถ้าจะประพฤติธรรม เผยแผ่ธรรม และเป็นกัลยาณมิตร ทิฏฐิต้องมีน้อยมาก เพราะจะต้องไปเผชิญ ไปพบ ไปพูดคุยกับคนต่างฐานะ ต่างศักดินาและต่างฐานันดร ถ้าไม่ลดทิฎฐิตนเองแล้ว จะไม่สามารถเป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาได้
และเมื่อมีความถือตนอยู่ ว่าเก่งกว่า ฐานันดรทางการศึกษาและครอบครัวดีกว่า มีฐานะกว่า เช่นนี้ ย่อมไม่สามารถเป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาได้


สำหรับเขาถือว่าเป็นเช่นนี้ จีงไม่น่าแปลกในเลยว่า ทำไมถึงใฝ่สูง และคิดอยู่ตลอดเวลาว่า "ตนเหนือกว่าใคร" ตราบใดที่คนประเภทนี้ยังได้รับการยอมรับ(บ้าง) ก็ไม่ค่อยจะสำแดงตัวตนเท่าใด แต่เมื่อได้รับการยอมรับมากๆ ก็มักจะคิดว่าตัวเก่งกว่าใครๆที่แวดล้อมอยู่ 


ครั้นไม่ได้รับการยอมรับก็รับไม่ได้ ก็จะค่อยสำแดงฤทธิ์ออกมาทีละน้อย จนถึงมาก จนไม่สามารถอยู่ในที่นั้นได้ จะพูดก็ได้ว่า เขาอยู่วัดไม่ได้ เพราะ ล้างส้วมไม่เป็น ซึ่งตอนนี้พวกเราส่วนใหญ่มีความเข้าใจความสำคัญตรงนี้ดีอยู่แล้ว


เพราะสำหรับพวกเรา การล้างส้วมเป็นสิ่งแรกที่ต้องหัด ต้องทำ และทำให้ดีให้ได้กันทุกคน ทุกหน้าที่ ทุกระดับฐานะและฐานันดร เพราะ การล้างส้วม คือ  การฝึกการลดทิฏฐิมานะ
คือ การฝึกตนเองให้เข้าใจคนอื่น ฝึกตนเองให้มีเมตตา ฝึกตนเองให้มีความอดทน และฝึกตนให้รู้จักความสะอาด รู้จักรับผิดชอบของที่ต้องใช้ร่วมกัน รับผิดชอบความรู้สึกของคนอื่นๆด้วย แต่นิสัยหนึ่งของเขาที่เห็นชัด คือ การยกตนขึ้นเหนือคนอื่น และเห็นคนอื่นต่ำต้อยกว่าตน มีความรู้เท่าใดก็เขียนเท่านั้น แต่ความคิดลึกๆไม่ได้ เพราะปฏิบัติธรรมไม่ได้ดีเท่าที่ควร

ท่านที่สงสัยว่าวัดพระธรรมกายมีดีอย่างไร
ทำไมคนจึงยังศรัทธาหลวงพ่อธัมมชโยอย่างเหนียวแน่น
เป็นเรื่องจริงที่นักข่าวอยากรู้ อ่านได้ที่นี่...
http://www.lifeandlist.net/why_dhammakaya_temple/

Tuesday, April 19, 2016

พระธัมมชโย โดนเล่นงานเพราะเมตตาคนไม่ยอมล้างส้วม ตอนที่ 1



บทฝึกการล้างห้องน้ำของวัดพระธรรมกาย
ธรรมดาการฝึกอบรมคนของวัดพระธรรมกาย
ใครจะเป็นใหญ่มาจากไหน ก็ไม่ได้บวช 
ถ้าไม่ผ่านบทฝึก คือ การล้างขัดโถส้วมให้สะอาดเอี่ยม
โดยต้องสวมถุงมือเอาฟองน้ำล้วง
เข้าไปถูคอห่านด้านในให้เกลี้ยงจากคราบสกปรก

แต่กลับมีบางท่านที่ไม่ผ่านบทฝึกนี้ เป็นผู้มีภูมิปัญญาเป็นเลิศทางการศึกษา​
จึงได้รับความเมตตาจากครูบาอาจารย์ อนุญาตให้บวชเป็นพระภิกษุ
และส่งเสริมให้ไปเล่าเรียนในต่างประเทศ

ต่อมาภายหลังเป็นผู้ทำลายชื่อเสียงของวัดพระธรรมกาย
จนย่ำแย่ หาทางแก้ไขกลับคืนได้ยาก
รวมถึงสะเทือนต่อความเชื่อมั่นในความศรัทธาหลวงพ่อธัมมชโย
และคำว่า "ธรรมกาย" ที่มีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก
และคัมภีร์พุทธที่กระจายอยู่ทั่วโลก
ว่ามีความหมายถึง "กายแห่งการตรัสรู้ธรรม" จริงหรือไม่

เป็นห่วงคนวัดพระธรรมกายที่ได้อ่านเรื่องนี้ เพราะท่านเป็นผู้มีใจสงบ ชอบนั่งนิ่งๆ ทำใจใสๆ อ่านแล้วจะร้อนใจ อยากรู้ว่าใครเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
เดี๋ยวจะพากันออกหาคนเล่าเรื่อง ตอนนี้ท่านก็อายุมากแล้ว
อีกทั้งจะตบะแตกไปตามหาตัวคนไม่ชอบล้างส้วมทั้งหลาย
ที่ต้องสงสัยว่าทำให้วัดเดือดร้อน แล้วจะวุ่นวายไปกันใหญ่

ขอให้เรื่องสงบๆ อยู่ในนี้ก็เป็นที่สบายใจ จะเป็นคนวัดหรือไม่วัดนี้ก็ตามที ถ้าให้ดีก็หันมาศึกษาเกี่ยวกับคำว่า "ธรรมกาย" และการปฏิบัติให้เข้าถึงได้จะเป็นการดียิ่ง ไม่ว่าจากตำราในประเทศใดก็ตาม 

ที่แน่ๆ บทฝึกการอบรมธรรมทายาท หลักสูตรของวัดพระธรรมกายจะต้องเข้มงวดกวดขัน เรื่องการล้างส้วมขึ้นมาโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป ใครที่คิดเป็นสายสืบมาเจาะเรื่องราววัดนี้ เตรียมตัวเตรียมใจมาล้างส้วมไว้ให้ดี ท่านจะต้องสวมถุงมือยางล้วงเข้าไปล้างให้เกลี้ยงคอห่าน เป็นเทพบุตรแห่งความสะอาดในห้องสุขาของทุกคน 

บทความนี้เขียนเพื่อให้ท่านอื่นๆ ที่ยังไม่เข้าวัดนี้จะได้รู้เขา รู้เรา รู้เท่าทัน ว่าคนที่ศรัทธาวัดนี้แบบปักใจ อยู่มานานนม เขารู้เรื่องอะไรบ้าง ทำไมถึงศรัทธา ทั้งหลวงพ่อธัมมชโย หลวงพ่อทัตตชีโว และคุณยายอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ได้นานกว่า 50 ปี ทั้งที่สื่อกระหน่ำโจมตี พยายามยัดเยียดความคิดให้คนรู้สึกไม่ดีกับวัดนี้มาเป็นสิบๆ ปี

แอบไปได้ยินนิทานสอนใจที่ผู้ใหญ่เล่าใหัเด็กฟัง


เรื่องนี้ต่อไปนี้เป็นนิทานเปรียบเปรยเกี่ยวกับคนไม่ชอบล้างส้วมที่ภายหลังทำให้ชื่อเสียงวัดพระธรรมกายกับหลวงพ่อธัมมชโย ส่งกลิ่นตลบอบอวลไปทั่วบ้านทั่วเมือง ทั้งในและต่างประเทศ

สมัยพุทธกาล เราจะได้ยินว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านเล่าบุพกรรมในอดีตที่พระเทวทัตเคยทำไว้ พระไตรปิฎกก็บันทึกการกระทำในชาติปัจจุบันของพระเทวทัตไว้ ไม่ใช่เพื่อให้ร้ายนินทา แต่เพราะท่านต้องการสอนใจคนให้รู้จักผิดชอบชั่วดี นักวิชาการบางท่านทั้งในไทยหรือในต่างประเทศ อ่านธรรมะไปถึงเรื่องอดีตชาติ เช่น ชาดก ก็พากันคิดว่าเป็นนิทาน ไม่ใช่เรื่องจริง เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน ไม่ได้จงเกลียดจงชัง ไม่อยากเอาเรื่องใครมาคิดให้หนักใจ แต่เรียนรู้ไว้เพื่อเป็นการสอนตัวเองที่ยังมีข้อบกพร่องอยู่ คิดเสียว่าเป็นนิทานก็แล้วกัน 

ผู้เขียนเชื่อว่า หลายคนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดที่เขียนมา แม้แต่คนที่ได้พบเห็นคุณยายจันทร์ มาตั้งแต่สมัยยังไม่มาสร้างวัดพระธรรมกาย หรือคนที่เห็นหลวงพ่อธัมมชโย ตั้งแต่สมัยเรียน ยังไม่บวช ก็มีช่วงเวลาที่ห่างหายไปจากท่าน ห่างไปจากวัด ทำให้เรื่องราวในอดีต เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย ที่มีคุณค่าเหล่านี้ไม่ปะติดปะต่อ ต้องหาฟังจากหลายๆ คนช่วยกันเหมือนจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจาย ซึ่งผู้เขียนจะช่วยไปสัมภาษณ์และนำมาเรียบเรียงให้อ่านกัน

ย้อนไปราว 50 ปีที่แล้ว ผู้ใหญ่ท่านนี้เห็นหลวงพ่อธัมมชโยตั้งแต่สมัยท่านเป็นนักเรียนเกษตรศาสตร์ ยังไม่ได้บวช ท่านมีอายุน้อยกว่าหลวงพ่อธัมมชโยไม่กี่ปี ได้พบคุณยายอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ตั้งแต่สมัยอยู่บ้านธรรมประสิทธิ์ ใกล้ๆ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ก่อนที่จะเร่ิมสร้างวัดพระธรรมกาย


การล้างส้วมเป็นงานของคนใจสูง


ผู้เขียนอยู่เมืองนอกมานาน เดินทางไปมากมายหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว เวลาไปที่ไหนๆ เช่น สนามบิน สถานีรถไฟ ตามปั้มน้ำมัน เห็นส้วมสะอาดๆ แล้วใช้ได้อย่างสบายใจ พื้นส้วมไม่เปียกปอน ด้วยการใช้ขันน้ำและสายยางฉีดก้นแบบบ้านเรา

อีกทั้งคนที่ทำงานทำความสะอาดในประเทศยุโรป ไม่ถูกดูแคลนว่าทำงานต่ำ เขามีสิทธิ์นั่งทานข้าวร่วมกับคนในอาชีพอื่นๆ ได้อย่างสมเกียรติ เพราะที่นั่น ไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามกันเรื่องอาชีพการงาน หรือไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ซึ่งเป็นเครื่องบ่งบอกที่สติปัญญาที่รู้จักคุณค่าของชีวิตและความดีของมนุษย์ทุกคน แถมคนไทยทำงานทำความสะอาดหลายคนมีรายได้เป็นหลักล้านบาทต่อปี ซื้อบ้านให้พ่อแม่ที่เมืองไทยอยู่ได้สบายๆ เลยนะ ไม่ต้องโกงใครเหมือนบางคนที่ใส่สูทผูกไทค์นั่งหัวโต๊ะประชุมเสียด้วย

กลับมาเล่าถึงเรื่องในอดีตที่บ้านธรรมประสิทธิ์ เวลาคุณยายนำนั่งสมาธิให้คนอื่นในช่วงเร่ิมต้น พอทุกคนนั่งนิ่งดีแล้ว คุณยายก็จะหลีกไปดูแลทำความสะอาดและเช็ดพื้นห้องน้ำ เพราะ กลัวคนอื่นเขาจะลื่นล้ม นี่เป็นสิ่งที่คุณยายพยายามปลูกฝังเรื่องคุณธรรมของผู้นำ คือ ความรักสะอาดนี้ ให้กับลูกศิษย์ลูกหาอยู่เสมอ จนกระทั่งวัดพระธรรมกายเป็นวัดที่มีชื่อเสียงเรื่องความสะอาด แม้มีคนมางานบุญเป็นหลักแสนคน แต่ถ้าจะมีผิดพลาดบ้าง ก็คงเป็นเรื่องของคนใหม่ๆ ที่ยังไม่ได้เรียนรู้

คลิ๊ก! กดดูที่นี่เพื่ออ่านต่อตอนที่ 2

ท่านที่สงสัยว่าวัดพระธรรมกายมีดีอย่างไร
ทำไมคนจึงยังศรัทธาหลวงพ่อธัมมชโยอย่างเหนียวแน่น
เป็นเรื่องจริงที่นักข่าวอยากรู้ อ่านได้ที่นี่...
http://www.lifeandlist.net/why_dhammakaya_temple/

Thursday, April 14, 2016

ภัยต่อความมั่นคงที่คนไทยยังไม่รู้

เหตุการณ์ผิดปกติ


จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับวัดพระธรรมกายในเวลานี้ ศิษย์วัดหลายคงเกิดอารมณ์เบื่อเซ็งว่า จะมาวัดเพื่อปฏิบัติธรรม หาความสงบใจ ทำไมต้องมาคอยแก้ปัญหาแต่ละวันที่โดนเขาว่าไม่รู้จบ แทนที่จะได้อ่านเรื่องราวดีๆ กลายเป็นพบข้อติเตียนพระภิกษุที่ข่าวลงไม่เว้นแต่ละวัน ในเมื่อศีลของพระมีถึง 227 ข้อ ทั้งยังมีเรื่องอื่นจิปาถะที่ชาวบ้านจะหามาติเตียนได้ ไม่ว่าจะขยับเขยื้อนไปทางใด จะเอาเรื่องไหนมาพูดให้เป็นประเด็นร้อนไม่ใช่ยาก นี่เป็นวิธีเสี้ยมคนไทยให้แตกแยกกันของสื่อมวลชน

แม้ผู้ที่เรียกตนว่าเป็นพระ ยังพลอยมาช่วยซ้ำเติม ทำให้การหาทางพ้นทุกข์เข้านิพพานของแต่ละท่าน ไม่ได้ดำเนินไปโดยง่ายอย่างที่ตั้งใจบวชมา

ในช่วงเดือนเมษายน 2559 DSI พยายามออกหมายเรียก เร่งให้พระเทพญาณมหามุนี หลวงพ่อธัมมชโย วัดพระธรรมกาย มารับทราบข้อกล่าวหา ฐานสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร โดยเกี่ยวข้องกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติเมื่อเทียบกับองค์กรการกุศลอื่นๆ ที่มีการรับบริจาคในทำนองเดียวกัน เหตุใดจึงมุ่งให้ความสำคัญแต่กับเรื่องวัดนี้เป็นพิเศษ มีอะไรอยู่เบื้องหลัง

แม้แต่ เรื่องนายณฐพร โตประยูร ที่ปรึกษาด้านกฎหมายประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน คนใหญ่คนโตของ DSI ที่ได้รับส่วนแบ่งเกี่ยวกับเงินจำนวน 477 ล้าน ในกรณีขายที่ดินนายศุภชัย ศรีศุภอักษร เพื่อชดใช้หนี้คดียักยอกทรัพย์สินสหกรณ์คลองจั่นฯ  ก็ยังไม่มีความกระจ่างชัด แม้เวลาผ่านมาเป็นปี ได้รับการปกป้องอย่างดี ตรงข้ามกับกรณีรถเบนซ์เก่าๆ ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ซึ่งถูกระแวงว่าหากท่านได้ขึ้นเป็นพระสังฆราชจะยิ่งนำความเจริญมาให้แก่วัดพระธรรมกาย

เหตุการณ์ความไม่ยุติธรรมลำเอียง เกิดได้ทุกยุคสมัย ตามธรรมดาของนักปกครองที่มักใหญ่ในอำนาจ ไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นที่รักนับถือ มีคุณความดีต่อมวลมหาชนและประเทศชาติมาเท่าไหร่ ขอให้สามารถปกครองให้อยู่ใต้อำนาจบังคับบัญชาได้ก็เพียงพอ

การสวนกระแสเป็นเรื่องปกติ


หากเราย้อนดูประวัติศาสตร์ชีวิต ตั้งแต่เจ้าชายสิทธัตถะออกบวช นี้ก็ถือว่าเป็นการสวนกระแสชีวิตซึ่งเป็นถึงพระราชโอรสของกษัตริย์ เป็นที่ไม่ทรงพอพระทัยของพระราชบิดาเป็นแน่แท้

การปฏิบัติตามหลักมัชฌิมาปฏิทปา ทางสายกลาง ไม่ตึงไม่หย่อนเกินไป ไม่ทรมานตนเอง ก็เคยทำให้ขัดใจปัญจวัคคีย์มาแล้ว ทำให้คิดว่าพระโพธิสัตว์คลายความเพียรเพื่อบรรลุธรรม หันกลับมาบริโภคอาหาร เลิกทรมานตน ทำชีวิตเป็นปกติอย่างเดิม

ในเมื่อความคิดคนไม่ตรง คนที่คิดตรงก็ย่อมพบหนทางที่ถูก ดังนั้น หากสิ่งที่เราปฏิบัติ ไม่ได้เจตนาก่อความเดือดร้อนให้ใคร พาให้พบความสุขที่แท้จริงในชีวิต ก็เป็นเรื่องที่สมควรจะทำความเข้าใจให้สังคมได้รับรู้ และเดินรอยตามครูบาอาจารย์ที่สอนถูก

วางเฉยมีแต่จมลง

หากวางเฉยจะเป็นอย่างไร


หากวางเฉยหรือนิ่งดูดาย ก็จะมีแต่จมลงในสถานการณ์ที่มีผู้มารุกราน เมื่อไม่สามารถแสดงออกได้ซึ่งปัญญาในทางใด ทางหนึ่ง

ในเหตุการณ์ที่องคุลีมาลเกือบจะไปฆ่าแม่ตัวเอง เพื่อให้ได้นิ้วมือครบพัน จะได้เรียนวิชาที่ทำให้เป็นเจ้าปกครองโลกจากอาจารย์ที่หลอกตน ความจริงหากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเห็นว่าเป็นเรื่องของคนอื่น จะวางเฉยเสียก็มิได้เสียหายอะไรกับพระองค์ แต่ด้วยพระมหากรุณา ไปป้องกันชีวิตของแม่องคุลีมาล รวมถึงเพื่อให้องคุลีมาลได้บวชและเป็นพระอรหันต์ พระองค์ก็เสด็จไปโปรด ในเหตุการณ์ที่ทุกคนเห็นว่ามีอันตราย

เราลองดูเอาว่าในแถบประเทศอินเดีย ดินแดนที่กำเนิดพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญาในพระพุทธศาสนาแท้ๆ เหตุใดเวลานี้จึงมีกำลังชาวพุทธที่อ่อนแอลง ไม่เข้มแข็งดังประเทศศรีลังกาและเมืองไทยเรา ถ้าจะดูลึกๆ เรื่องหลักการสอนที่เผยแพร่เป็นที่นิยมของคนพุทธในอินเดียเวลานี้ ก็ยังดูแล้วผิดๆ เพี้ยนๆ จากหลักการดั้งเดิมมา หากเราดูละครเรื่องพระพุทธเจ้าที่โด่งดัง การแสดงถึงพุทธานุภาพ ยังไม่สมกับที่เราได้ศึกษาเล่าเรียนมาจากพระไตรปิฎก

มาถึงประเทศลาวที่ถูกคอมมิวนิสต์ยึดครอง ผู้เขียนรู้จักคนลาวจำนวนมากในฝรั่งเศสที่บอบช้ำ ครอบครัวถูกย่ำยีจากการถูกฆ่า ถูกทำร้าย ข่มเหงรังแก จับตัวข้าราชการไปปล่อยทิ้งไว้ในชนบท ไม่ให้เห็นหน้าครอบครัว  หากมีพระภิกษุรูปใดเกิดมีชื่อเสียงขึ้นมาก็จะถูกกดเอาไว้มิให้ได้ขึ้นมาเป็นที่ยอมรับศรัทธาของสังคมในวงกว้างได้อย่างเต็มที่ จีงมิได้มีพระสุปฏิปันโนที่ทรงคุณวิเศษเป็นที่นับหน้าถือตาของคนทั้งประเทศมากเหมือนอย่างประเทศไทย โดยเฉพาะที่อยู่ในภาคอีสานที่ใกล้กับประเทศลาวเพียงแค่นั้นเอง ฝ่ายที่ได้ปกครองประเทศก็เขียนประวัติศาสตร์ในทางยกย่องตนเอง กลบภาพความรุนแรง นี่เป็นความจริงที่เกิดขึ้น

หากเราไม่ได้เป็นผู้เขียนบันทึกประวัติศาสตร์ ช่วยกันรักษาไว้และเผยแพร่ความจริงที่ประสบ ทุกสิ่งที่ยืนยันความดีของหมู่คณะก็จะถูกลบเลือนไปตามกาลเวลา ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา 

ปัญหามีก็แก้กันไป อารมณ์ของการปฏิบัติธรรมเราก็ทำไปด้วย เพราะเราไม่ได้ไปใช้ความรุนแรง เบียดเบียนใครๆ โดยปกติแล้วผลการนั่งสมาธิไม่ควรจะแย่ลงไป ในเหตุการณ์แบบนี้ กลับทำให้เรารู้สึกตื่นตัวมากขึ้นที่จะทำอะไรเพื่อพระศาสนา
ได้หันมาศึกษาหาอ่านธรรมะ ได้รับฟังประวัติพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย คุณยายอาจารย์อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง
จากคนที่ใกล้ชิดท่านมากขึ้น เพิ่มพูนความศรัทธายิ่งขึ้นไปอีกด้วย

จุดเร่ิมต้นงานเขียน คือ อัธยาศัยชอบแบ่งปันความรู้


งานปรับทัศนคติเป็นงานของนักเขียน ดังนั้น ในการแก้ไขปัญหาด้วยปัญญา สำหรับชีวิตทุกวันนี้ การเขียนบทความลงในเว็บไซต์จึงเป็นทางเลือกที่ดีมากทางหนึ่งซึ่งเผยแพร่ได้ง่าย ซึ่งจะบันทึกเป็นหนังสือในภายหลังก็ไม่เป็นปัญหา

ย้อนไปในอดีตเมื่อ 20 กว่าปีมาแล้ว เมื่อครั้งวัยเรียน ผู้เขียนเป็นคนที่ชอบแบ่งปันความรู้ เมื่อได้อ่านหนังสือดีๆ มีประโยชน์ ไม่ว่าเรื่องสุขภาพ หรือ เรื่องธรรมะ ก็ชอบซื้อมาหลายๆ เล่ม ไปแบ่งให้เพื่อนบ้าน ให้ผู้ใหญ่ที่คุ้นเคยท่านได้อ่านด้วย ซึ่งท่านเหล่านั้นจะอ่านหรือไม่ก็ไม่ทราบ รู้แต่ว่าได้ให้แล้วก็สุขใจ

เมื่อ 6  ปีที่ผ่านมาก็ได้ทำเว็บไซต์เขียนเนื้อหาสอนภาษานอร์เวย์ให้กับคนไทย จนถึงบัดนี้ก็มีคนดูหลายหมื่นคน เข้ามาอ่านดูหน้าต่างๆ รวมกันเป็นจำนวนหลายแสนครั้ง มีความสุขที่ทำให้คนอยู่ในประเทศนอร์เวย์มีอาชีพการงานดีๆ ช่วยคนให้มีกินมีใช้ ช่วยเหลือครอบครัวได้ ไม่เป็นปัญหาสังคมในอีกทางหนึ่ง

ทำเว็บสอนสมาธิในภาษานอร์เวย์ ก็อยู่ในอันดับที่ดีในการค้นหาบางหัวข้อ ทำให้คนได้ศึกษา ติดต่อมาเรียนสมาธิที่วัด ก็รู้สึกว่า เป็นงานที่คุ้มเหนื่อย ได้บุญ ได้ให้วิทยาทานและธรรมทาน อานิสงส์ก็คงจะไม่ใช่น้อยๆ เลย

ล่าสุดมีการเขียนบทความลงเว็บไซต์ http://www.lifeandlist.net/ ก็มีคนอ่านเป็นหลักหมื่นคน รวมปริมาณการเข้าชมทั้งเว็บที่ทีมงานช่วยกันทำก็เป็นหลักแสน ซึ่งมีความรู้ธรรมะแทรกในบทความให้ผู้อ่านอยู่เสมอ และทำให้มีผลการจัดอันดับที่ดี ซึ่งเราไม่ได้เขียนบทความมากมาย ซึ่งบทความที่ได้ติดอันดับส่วนใหญ่ ก็คือ บทความที่พยายามตั้งใจเขียนอย่างสุดความสามารถ

ขอเป็นกำลังใจส่วนหนึ่งให้ทุกท่านที่กำลังมุ่งมั่นสร้างผลงานเขียน แบ่งปันสิ่งที่ดีมีประโยชน์ใหักับสังคมต่อไป โดยไม่ย่อท้อ  และได้อานิสงส์ดีๆ ในชีวิตอย่างเต็มเปี่ยม

บทความราตรีสวัสดิ์
วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน 2559

อ่านต่อเรื่อง วิธีที่สื่อมวลชนเสี้ยมคนไทยให้แตกแยก


ท่านที่สงสัยว่าวัดพระธรรมกายมีดีอย่างไร
ทำไมคนจึงยังศรัทธาหลวงพ่อธัมมชโยอย่างเหนียวแน่น
เป็นเรื่องจริงที่นักข่าวอยากรู้ อ่านได้ที่นี่...


ติดตามอ่านวิธีเขียนบทความ SEO

Wednesday, April 13, 2016

คุณยายจันทร์ ผู้เขย่าวงการพุทธศาสนาไทย


คุณยายผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย

คุณยายอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง 
ควรได้รับการยกย่องเป็นสตรีผู้ทรงอิทธิพล
แห่งวงการพุทธศาสนาอันดับหนึ่งของประเทศไทย
ในวันจุดไฟแก้วสลายร่าง หรือวันฌาปนกิจสรีระของท่านที่วัดพระธรรมกาย
วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 
ผืนแผ่นดินสะท้านสะเทือนด้วยเสียงสวดมาติกาของภิกษุ
ระดับพระสังฆาธิการจำนวนเรือนแสนจากวัดทั่วประเทศ 
อย่างที่ไม่เคยมีแม่ชีท่านใดได้รับความเมตตาอันสูงส่ง
จากคณะพระภิกษุสงฆ์ถึงเพียงนี้มาก่อน

สานุศิษย์วัดพระธรรมกาย เอ่ยถึงท่านโดยเรียกเพียงสั้นๆ ว่า “คุณยาย"
แต่จะกล่าวถึงด้วยความยกย่องอย่างสูงสุดว่า
คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง 
เพราะท่านเป็นผู้มีใจเป็นหนึ่งกับพระรัตนตรัย
เช่นกับผลงาน คือ วัดพระธรรมกายที่ท่านสร้างมากับมือตั้งแต่เริ่มต้น 

ภาพคุณยายขณะปฏิบัติธรรม

เมื่อสอบถามจากบุคคลที่ได้ใกล้ชิดท่าน 
ตั้งแต่ก่อนเริ่มสร้างวัดพระธรรมกาย 
ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า 
ท่านเป็นบุคคลที่พูดน้อย ใช้ชีวิตเรียบง่าย เสียสละ อดทน รักสะอาด
เข้าถึงแล้วรู้สึกอบอุ่นเหมือนได้ใกล้ชิดคุณยายแท้ๆ ของตนเอง
มีคำแนะนำที่ช่วยแก้ปัญหาชีวิตแต่ละคนได้อย่างตรงจุด

เชื่อไหมว่าหลายคนก็ไม่กล้าเข้าใกล้ท่าน เพราะ สาเหตุต่างกัน
เช่น กลัวท่านจะรู้วาระจิต อ่านใจ รู้พฤติกรรมที่เคยทำมา
หรือไม่ก็กลัวว่าจะไปทำอะไรให้กระทบต่อ
ความละเอียดของธรรมะภายในใจของท่าน
เกรงว่าจะเป็นบาป 

เขาลือเขาเล่าว่า...ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมกาย
ท่านช่วยพ่อที่ละจากโลกแล้วไปตกนรกอบายภูมิ ให้กลับขึ้นเป็นเทวดาในสวรรค์ได้...
ท่านปัดลูกระเบิดช่วยปกป้องบ้านเมืองได้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง...
สถานที่อื่นๆ โดนระเบิดเสียหายมากมาย แต่ใครมาอยู่บริเวณวัดปากน้ำปลอดภัยทุกคน
เพราะเหตุนี้ ผู้คนในย่านนั้นจึงมีความศรัทธาพระมงคลเทพมุนี
และแม่ชีที่ทำวิชชา ซึ่งเป็นผู้ทรงศีลที่ปฏิบัติสมาธิและวิปัสสนาได้เชี่ยวชาญมาก
รวมถึงคุณยายแท้ๆ ของข้าพเจ้าด้วยที่ศรัทธาในบารมีพระมงคลเทพมุนี หรือ
หลวงปู่สด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ อย่างเกินจะเปรียบ
ซึ่งบ้านเราห่างวัดปากน้ำเพียง 15 นาทีรถยนต์เท่านั้น
สิ่งเหล่านี้จริงไม่จริงแล้วแต่ใครจะเชื่อมั่นศรัทธา
แต่ผลงานเป็นเครื่องบ่งบอกความเป็นตัวท่าน

จากประสบการณ์ชีวิตที่ได้พบพาน 
ชีวิตแม่ชีที่จะได้ความยอมรับ แม้เพียงลำพังการเลี้ยงชีพไปวันต่อวันมิใช่ง่าย
ต่อให้เป็นวันเวลาที่มีสุขภาพแข็งแรงดี ยิ่งถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาแล้ว
บางที่ถึงกับไม่สามารถรับดูแลได้เลยทีเดียว 
จะมีผู้ใดให้ความเคารพนับถือในระดับที่สร้างวัดได้เองสักแห่งหนึ่งเป็นเรื่องยากแสนยาก
จะกล่าวไปไยกับการเป็นผู้ให้กำเนิดวัดที่มีขนาดใหญ่มหึมาอย่างวัดพระธรรมกาย
ที่เริ่มต้นสถาปนาก็มีอาณาบริเวณกว่า 196 ไร่ 
จนปัจจุบันมีพื้นที่กว่า 2,000 ไร่
มีพระภิกษุและสามเณร อยู่ประจำมากกว่า 3,000 รูป
จัดงานบวชพระภิกษุสามเณรมาแล้วนับแสนรูป
จะไม่ให้สะท้านสะเทือนวงการพุทธไทยได้อย่างไร


คำสอนของคุณยาย

คนในโลกนี้นับวันก็ยิ่งไกลห่างจากความเป็นตัวท่าน
เพราะท่านใส่ชุดสีขาวเรียบง่ายมาตลอดชีวิตตั้งแต่อายุ 29 ปี (พ.ศ. 2481) 
ท่านมีปกติรักในเพศพรหมจรรย์ 
แต่ไหนแต่ไรมาเรื่องความรักอย่างสาวหนุ่มนั้น
ท่านไม่มีหลงเหลือในใจแม้แต่น้อยนิด
ไม่ได้เสเสร้งแกล้งทำเพื่อเรียกศรัทธา 
ไม่มีผู้ใดกล่าวถึงท่านเป็นอย่างอื่น
ท่านพูดอย่างไร สอนอย่างไร ท่านก็เป็นอย่างนั้น 

ท่านใช้อุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ตามมีตามได้
ไม่มีทรงผม ไม่มีแฟชั่น ไม่มีน้ำหอม
ไม่สนใจไยดีในสิ่งที่ท่านเรียกว่า
มีแต่ความรักสะอาดเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สง่างามที่สุด 
ท่านส่งเสริมความรักสะอาด ทั้งกาย วาจาและใจ

ที่ขาดไม่ได้ คือ ความงดงามของคำสั่งสอนที่ฟังเข้าใจง่าย
คลายทุกข์กังวลได้เร็ว นำมาซึ่งผลการปฏิบัติธรรมที่ดี
ทำให้ผู้มีปัญญาทุกระดับเกิดความยอมรับในตัวท่านได้
แม้ผู้มาทีหลัง ไม่เคยได้พบเห็นตัวจริงของท่านเลยก็ตาม 
ที่น่าแปลกใจในความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง
คือ ท่านอ่านไม่ออก เขียนภาษาไทยก็ไม่ได้ เป็นไปได้อย่างไร

คุณยายยืนยันว่าสิ่งที่ทำให้ท่านปกครองหมู่คณะระดับนี้ได้ คือ "ท่านดูคนออก”
ในชีวิตผู้เขียนเห็นหลายคนก็อวดอ้างเช่นนี้ แต่ไม่เห็นทำได้ดีเท่าคุณยาย 
หรือจะมีก็คงเป็นในทางอื่น ที่ไม่ใช่การสร้างและบริหารวัดขนาดใหญ่
ที่มีจำนวนผู้เสียสละอุทิศตนเป็นอาสาสมัครเพื่องานสอนศีลธรรมมากถึงเพียงนี้
เวลาจัดงานบุญวันสำคัญมีคนมาเป็นหลักหมื่น หลักแสน เป็นเรื่องปกติ 
ถ้าคนมาหลักร้อยคงจะต้องประกาศภาวะวิกฤติ ซึ่งที่เห็นมาก็ไม่เคยเกิดขึ้น

แม้ในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง เช่นเหตุการณ์ปี 2559 
ผู้คนยังคงศรัทธาพร้อมใจสร้างบุญเพื่อยกย่องสรรเสริญคุณท่าน
ประดุจท่านยังแข็งแรงมีชีวิต นั่งกายตรง
กลั่นกายวาจาใจให้สะอาดบริสุทธิ์ตลอดกาลยาวนาน
ซึ่งจะต้องสำเร็จอีกเช่นเคยด้วยกำลังแรงศรัทธาของมหาชน 
ที่จะมาร่วมงานบุญในวันที่ 22 เมษายน 2559
วันคล้ายวันเกิดครบ 72 ปี พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) 
ซึ่งจะมีเจ้าคณะพระสังฆาธิการจาก 30,000 วัดทั่วประเทศ
รวมถึงพระภิกษุจาก 323 วัดจาก 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางมาเป็นเนื้อนาบุญ


บทความโดย PJK_BEST
วันพุธที่ 13 เมษายน 2559


ท่านที่สงสัยว่าวัดพระธรรมกายมีดีอย่างไร
ทำไมคนจึงยังศรัทธาหลวงพ่อธัมมชโยอย่างเหนียวแน่น
เป็นเรื่องจริงที่นักข่าวอยากรู้ อ่านได้ที่นี่...


ติดตามอ่านวิธีเขียนบทความ SEO

Friday, April 8, 2016

เคล็ดลับทำให้มีพระมหาเปรียญฯ มากเป็นที่หนึ่ง และ รักสามัคคีดุจพี่น้อง

ถึงแม้ว่ากระแสข่าวจะโหมโจมตีวัดพระธรรมกายอย่างไม่หยุดหย่อนหลายระลอก ตั้งแต่เมื่อราว 10 ปีที่ผ่านมา และยังฝังรอยในใจหลายๆ คนให้ตามย่ำยีความศรัทธาวัดแห่งนี้อยู่เสมอจนกระทั่งถึงบัดนี้

แต่เหตุใด พระภิกษุ สามเณร และสาธุชนที่เข้าวัดนี้ยังสามัคคีกลมเกลียวเหนียวแน่นและเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในและต่างประเทศ
สถานที่ในวัดก็ดูจะเจริญรุ่งเรือง สิ่งก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ตามสัจจะที่ได้สัญญาไว้กับผู้ที่บริจาคเงินมา ทุกงานบุญดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ภาพงดงามจนเป็นที่ประทับใจให้สื่อต่างประเทศนำไปลงข่าวความน่าอัศจรรย์อยู่บ่อยๆ

ได้สนทนากับ พระมหาเปรียญธรรม 9 ประโยคแห่งวัดพระธรรมกาย
ท่านบวชมาตั้งแต่เป็นสามเณรตัวน้อยๆ เมื่ออายุ 12 ปี  ในปีพ.ศ. 2533 เวลาผ่านมากว่า 26 ปี เป็นหนึ่งในจำนวนพระภิกษุสามเณรนับพันรูปที่เติบโตมาในวัดแห่งนี้จึงได้ข้อมูลเคล็ดลับนี้มา...


กิจวัตรที่อัดแน่นเต็มวันของสามเณรยุคนั้น

ถือเป็นแบบอย่างการใช้เวลาในชีวิตอย่างมีคุณค่ายิ่ง


ภาพถ่ายที่หมู่กุฏิสามเณรวัดพระธรรมกาย
ซึ่งกุฎิมีจะ 10 หลัง จัดให้พักเรียงตามอายุของสามเณร

ตื่นตั้งแต่ 4.30 น. เก็บที่นอน พับผ้า มุ้งเสื่อให้เรียบร้อย
เหมือนกันทุกกระเบียด  ทำภารกิจส่วนตัว
แล้วพากันเข้าแถวหน้ากุฏิที่พัก ฟังพี่เณรให้โอวาทน้องเณร
แล้วจึงไปสวดมนต์ทำวัตรเช้า เวลาตี 5 นั่งสมาธิ ถึง 6 โมง
จากนั้นออกบิณฑบาต ซักผ้า เก็บขยะ  กวาดวัด

ฉันเช้า 7.00 น. -  7.30 น.
แล้วรับฟังโอวาทพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว
ต่อจากนั้นจึงช่วยกันเก็บภาชนะ เตรียมไว้รอสำหรับมื้อเพล

มีเวลาพักไม่เท่าไหร่ก็เข้าห้องเรียนวิชาภาษาบาลี
ต้องเข้าห้องให้ทัน 8.30 น. และเรียนถึง 10.30 โดยประมาณ
ส่วนช่วงเข้าพรรษาก็จะศึกษาวิชานักธรรม
11.00 น. ฉันเพล
13.00 น. ปฏิบัติธรรม
14.00 น.-16.30 น. เข้าเรียนต่อ
16.45 น. รับบุญทำความสะอาดพื้นที่หรือพากันไปช่วยงานเรื่องจัดงานบุญต่างๆ ที่ขอความช่วยเหลือจากสามเณร
18.00 น. - 18.30 น. เป็นเวลาส่วนตัวของสามเณร
18.45 น. ตั้งแถวฟังพี่เณรให้โอวาท
19.00 น. สวดมนต์ นั่งสมาธิ ฟังธรรมจากพระอาจารย์
หรือไปเข้าฟังพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยให้โอวาท
สอนธรรมะ เจริญสมาธิภาวนา

20.30 น. กางกลด ตั้งโต๊ะอ่านหนังสือเรียน ทำการบ้าน เตรียมการเรียนต่อไปในวันรุ่งขึ้น จนถึง 22.00 โดยปกติไม่สามารถหลบไปจำวัดก่อนนั้นได้ เพราะต้องอ่านหนังสือกันทุกรูป พอได้ยินเสียงสัญญาณก็แปรงฟัน ฟังเสียงหลวงพ่อนำแผ่เมตตา อธิษฐานจิต แล้วก็จำวัดอย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยบุญกุศลที่ทำมาตลอดวัน

สามเณรที่ไปปฏิบัติธรรมเจริญภาวนาเป็นหลัก ที่ดอยสุเทพ
ในช่วงพักจากการสอบพระบาลี 

ท่านเหล่านั้นศึกษาเล่าเรียนในวัดจนเติบโตขึ้นมาเป็นพระภิกษุที่ทรงภูมิรู้ภูมิธรรม มีความสมานสามัคคีกลมเกลียว พูดคุยกันเหมือนพี่เหมือนน้อง รักกันเหมือนญาติแท้ๆ
แม้บ้านเกิดมาจากต่างจังหวัด ต่างท้องถิ่น ต่างสำเนียงภาษา
ทำให้วัดพระธรรมกายเป็นวัดที่จำนวนผู้สอบได้เปรียญธรรมมากที่สุดในประเทศไทยของเรา 
เป็นครูบาอาจารย์สอนวิชาภาษาบาลี สอนธรรมะ
และช่วยกันขยายงานพระพุทธศาสนา
ทั้งในและต่างประเทศได้อย่างเต็มภาคภูมิ

ถ้าใครเคยได้ยินเสียงท่านสวดมนต์พร้อมกันนะ
เสียงแต่ละรูปท่านก้องกังวานเหมือนมีลำโพงดีๆ ซ่อนอยู่ในตัว
ด้วยอานิสงส์ท่ีท่านสวดมนต์ เปล่งวาจาบริสุทธิ์
กลั่นกาย กลั่นใจของท่านให้บริสุทธิ์สะอาดมาตั้งแต่วัยเยาว์

เรื่องความรักใคร่สามัคคีกัน มีคำสั้นๆ ง่ายๆ คือ ท่านบอกว่า "โตมาด้วยกัน"
ซึ่งเนื้อแท้ข้างในมีสิ่งที่มัดใจท่านเหล่านั้น ไม่ให้กายหายไปไหนเสียจากวัด
คือ การอบรมหล่อหลอม การสอนคุณธรรมโดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว และคุณยายอาจารย์อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง

นอกจากพระภิกษุสามเณรแล้ว
สาธุชน คนเข้าวัดนี้ ก็น่าแปลกที่เอาใจใส่การทำงานอาสาสมัครให้วัด
เป็นกิจอย่างหนึ่งชีวิตประจำวัน พูดคุยด้วยภาษาเดียวกัน
ว่าอย่างไร เขาก็ว่าตามกันหมด
ทั้งที่ศาสนาพุทธไม่ได้บังคับให้ใครๆ ต้องมาทุ่มเททำเพื่อวัดใดวัดหนึ่ง
เหมือนอย่างกับเอาทุกสิ่งในชีวิตเข้าแลกได้เช่นนี้
 ก็เป็นสิ่งที่น่าศึกษาติดตามอยู่เหมือนกัน

ท่านที่สงสัยว่าวัดพระธรรมกายมีดีอย่างไร
ทำไมคนจึงยังศรัทธาหลวงพ่อธัมมชโยอย่างเหนียวแน่น
เป็นเรื่องจริงที่นักข่าวอยากรู้ อ่านได้ที่นี่...
http://www.lifeandlist.net/why_dhammakaya_temple/

โดย PJK_BEST